" KHUMO IN KOREA "
Korea !!
สอบไฟนอลวันที่ 29 พฤศจิกายน - 17 ธันวาคม พ.ศ.2559 กรุณาเตรียมความพร้อมในการสอบ ขอให้โชคดี
รู้เฟื่อง เรื่องเกาหลี ไปกับ Khumo in korea
รู้เฟื่อง เรื่องเกาหลี ไปกับ Khumo in korea
วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559
8 เกาะในท้องทะเลไทย สวยโรแมนติกถูกใจชาวต่างชาติสุดๆ
8 เกาะในท้องทะเลไทย สวยโรแมนติกถูกชาวต่างชาติสุดๆ
ท้องทะเลไทยได้ชื่อว่าสวยงามไม่แพ้ที่ไหนในโลก ทั้งหาดทรายขาว น้ำทะเลสวยใส
อีกทั้งยังมีที่พักหลากหลายแบบ ร้านค้า ร้านอาหารมากมาย
และการเดินทางยังแสนสะดวกสบายอีกด้วย
นั่นจึงทำให้ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างก็หลงรักท้องทะเลในเมืองไทย
ซึ่งเว็บไซต์ stylishpedia.com ก็ได้คัดเลือก 8 เกาะในไทย
ที่สวยโดนใจและเป็นที่หลงใหลของชาวต่างชาติมาให้เราได้ชมกัน
เกาะไหนที่จะสวยและโรแมนติกในสายตาชาวต่างชาติ
และสามารถไปนั่งพูดคุยกับฝรั่งได้อย่างสนุกสนานบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ
1. เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง
เกาะเสม็ด เป็นเกาะที่มีธรรมชาติทางท้องทะเลที่สวยงาม
และยังอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ การเดินทางก็แสนง่ายดาย
มีรถโดยสารประจำทางไปส่งถึงท่าเรือบริเวณตลาดบ้านเพทุกวัน
ซึ่งบนเกาะเสม็ดก็มีหลายชายหาดให้ได้ไปเดินทอดน่อง สูดอากาศบริสุทธิ์ริมทะเลกัน
อาทิ หาดทรายแก้ว, อ่าวน้อยหน่า, อ่าวพร้าว,
อ่าวไผ่, อ่าววงเดือน, อ่าวแสงเทียน,
อ่าวนวล, อ่าวปะการัง เป็นต้น
ยามกลางวันบนเกาะเสม็ดจะเงียบสงบ เหมาะแก่การเล่นน้ำทะเล ว่ายน้ำดูปะการังริมหาด
หรือจะนอนอ่านหนังสือ อาบแดดบนหาดทรายก็ได้เช่นกัน ยามค่ำคืนที่นี่จะไม่เงียบเหงา
เพราะมีหลายหาดที่มีร้านอาหาร ผับ บาร์ เปิดบริการมากมาย
นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างก็ชอบที่จะมานั่งพูดคุยกับเพื่อนใหม่
ใครอยากฝึกภาษาอังกฤษก็ลองหาเวลาไปเที่ยวเกาะเสม็ดกันได้เลยค่ะ
2. เกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา
เกาะยาวใหญ่ ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ซึ่งอยู่ระหว่างจังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต
และจังหวัดกระบี่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้ทั้งจาก 3 จังหวัด
โดยสิ่งที่น่าสนใจของเกาะยาวใหญ่
ก็คือเป็นเกาะที่มีธรรมชาติทางทะเลและป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์สวยงาม
มีโค้งอ่าวสวยงามมากมาย อาทิ อ่าวคลองสน อ่าวทิวสน อ่าวนกเป็ดน้ำ และอ่าวไม้ไผ่
เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโรงแรม รีสอร์ท ที่พัก ให้เลือกพักหลากหลายแบบ
พร้อมทั้งร้านอาหาร ผับ บาร์ มากมาย
อีกทั้งยังมีวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นให้เที่ยวชมอีกด้วย
3. เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เกาะเต่า เป็นเกาะเล็ก ๆ ในทะเลอ่าวไทย ในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี
เป็นเกาะที่มีธรรมชาติสวยงาม น้ำทะเลเป็นสีฟ้าใส
มองเห็นแนวปะการังและปลาหลากหลายชนิดใต้ท้องทะเลได้อย่างชัดเจน รวมทั้งยังเงียบสงบ
สามารถพักผ่อนอยู่กับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ บนเกาะมีเพียงถนนสายเดียว
จึงสามารถเที่ยวได้ง่าย ๆ และใช้เวลาไม่มากนัก
นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ห่างจากเกาะนางยวน
ซึ่งเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงอีกเกาะหนึ่งของท้องทะเลไทย เพียงแค่ 480 เมตรเท่านั้น
จึงทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเลือกที่จะมาใช้วันหยุดกันบนเกาะแห่งนี้
4.
หมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา
หมู่เกาะสิมิลัน
เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของไทยที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก
ด้วยท้องทะเลในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันนั้นมีความสวยงาม
เต็มไปด้วยแนวปะการังหลากสีสัน พร้อมทั้งปลาและสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด
ซึ่งน้ำทะเลในแถบนี้จะเป็นสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ ใสสะอาด มองเห็นใต้ทะเลได้อย่างชัดเจน
อีกทั้งยังมีหาดทรายขาว เนียนนุ่ม ราวกับผงแป้ง
ไม่ว่าใครได้มาสัมผัสที่นี่ต่างก็ต้องตกหลุมรักไปตาม ๆ กัน
สอบถามรายละเอียดได้ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน โทรศัพท์ 0 7645 3272
5. เกาะช้าง
จังหวัดตราด
เกาะช้าง ตั้งอยู่ห่างจากอำเภอแหลมงอบประมาณ 8 กิโลเมตร
โดยจะมีเรือเฟอร์รี่ข้ามไปยังเกาะช้างทุกวัน
และยังสามารถนำรถส่วนตัวข้ามไปยังเกาะช้างได้อีกด้วย เพราะเกาะช้างมีพื้นที่มากถึง
429 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเมืองไทยรองจากเกาะภูเก็ต
ที่นี่จึงเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งที่ว่าการอำเภอ สถานีตำรวจ
โรงพยาบาล ร้านค้า ฯลฯ นอกจากเกาะช้างจะมีหาดทรายและน้ำทะเลสวยใสแล้ว
ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย และยังอยู่ใกล้กับเกาะหมากและเกาะกูดอีกด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตราด โทรศัพท์
0 3959 7259
6. เกาะพีพี จังหวัดกระบี่
เกาะพีพี
เป็นอีกหนึ่งเกาะของเมืองไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ซึ่งภาพของเวิ้งอ่าวคู่ของอ่าวต้นไทรและอ่าวโละดาลัมอันสวยงามนั้น
ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของท้องทะเลไทยที่โด่งดังไปทั่วโลกอีกด้วย
เกาะพีพี ประกอบด้วย 2 เกาะใหญ่ คือ เกาะพีพีดอน และเกาะพีพีเล และยังมีอีก
4 เกาะเล็ก ๆ ใกล้เคียง คือ เกาะยูง เกาะไม่ไผ่ เกาะบิดะนอก และเกาะบิดะใน
ศูนย์รวมของเกาะพีพีจะอยู่ที่เกาะพีพีดอน ที่นี่จะมีร้านค้า ร้านอาหาร
และที่พักมากมาย รวมทั้งยังเป็นท่าเรือหลักของเกาะพีพี
โดยบริเวณอ่าวต้นไทรจะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติขึ้นไปยังจุดชมวิวบนยอดเขา
ซึ่งสามารถมองเห็นวิวของเวิ้งอ่าวคู่ของอ่าวต้นไทรและอ่าวโละดาลัมได้อย่างชัดเจน
สอบถามรายละเอียดอื่น ๆ และการเดินทางได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
สำนักงานกระบี่ โทรศัพท์ 0 7562 2163, 0 7561 2811-2
7. เกาะสมุย
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เกาะสมุย ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประมาณ 35 กิโลเมตร
เป็นเกาะขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 247 ตารางกิโลเมตร
ซึ่งถือว่าเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเมืองไทย
เกาะสมุยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างมาก เพราะบนเกาะแห่งนี้มีธรรมชาติที่สวยงาม
เงียบสงบ ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย
แต่ก็ยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมทั้งยังมีโรงแรม
รีสอร์ทหรูหรา ร้านอาหารระดับ 5 ดาวมากมาย
หรือใครชอบแบบแบ็คแพ็กเกอร์ที่นี่ก็มีรองรับ
สำหรับใครที่ชอบความเงียบสงบที่นี่ก็มีชายหาดหลายแห่งที่น่านอนเล่นพักผ่อน
ยามค่ำคืนใครอยากออกมาสนุกสนานกับเสียงเพลงและผู้คน ก็มีร้านค้า ผับ บาร์
เปิดบริการริมชายหาดอย่างครึกครื้น
เรียกได้ว่ามาที่เดียวแต่เที่ยวได้อย่างหลากหลาย
ทำให้นักท่องเที่ยวจึงเลือกที่จะมาเที่ยวเกาะสมุย เพราะมันคุ้มเกินคุ้ม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวสมุย โทรศัพท์ 0 7742
0504
8. เกาะพะงัน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เกาะพะงัน เป็นอีกหนึ่งเกาะของจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เพราะที่นี่คือสถานที่จัดงานฟูลมูน ปาร์ตี้
ริมชายหาดที่สวยงามและสนุกสนานติดอันดับโลกเลยทีเดียว
โดยนักท่องเที่ยวมากมายจะหลั่งไหลมาที่เกาะพะงันในค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวงกันอย่างมากมาย
เพื่อมาสนุกสนานกับเสียงเพลงและดนตรีริมชายหาด
และดื่มด่ำกับความโรแมนติกในคืนพระจันทร์เต็มดวง
ซึ่งจะมีทั้งเสียงเพลงและเสียงคลื่นทะเลคอยขับกล่อมให้ผู้คนได้สนุกสนานกันอย่างเต็มที่
เกาะพะงัน ตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 100 กิโลเมตร
มีหาดทรายที่สวยงามอยู่รอบ ๆ เกาะ พร้อมทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากเกาะสมุย เกาะเต่า
และเกาะนางยวน ซึ่งมักจะมีเรือโดยสารจากเกาะต่าง ๆ มายังเกาะพะงันในช่วงงานฟูลมูน
ปาร์ตี้ ที่นี่จึงครึกครื้นตลอดทั้งปี
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงที่ท่องเที่ยวโดดเด่นในสายตานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น
ซึ่งอันที่จริงแล้วในท้องทะเลไทย ทั้งจากฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทยยังมีทะเลอีกหลายแห่งที่มีความสวยงามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย
วันหยุดว่าง ๆ ใครอยากหาสักสถานที่ไปสวีทหวานกับคู่รัก
ก็ลองออกไปสัมผัสทะเลไทยกันนะคะ :)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://travel.kapook.com/view139684.html
10 อันดับ อาหารไทยที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ
เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าอาหารไทยคือแรงกระตุ้นสำคัญให้ชาวต่างชาติอยากมาเที่ยวเมืองไทยซ้ำแล้วซ้ำอีก
เนื่องจากรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และความอร่อยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก เว็บไซต์ top-10-list.org
จึงทำการจัดอันดับ 10 สุดยอดอาหารไทยที่ชาวต่างชาติคลั่งไคล้เป็นพิเศษ
10
อันดับ อาหารไทยที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ
อันดับที่
10
Por Pia Tord or
Fried Spring Roll
หรือ
ปอเปี๊ยะทอดสุดอร่อยนั่นเอง
อันดับที่
9
Gai Pad Met
Mamuang or Cashew Nuts In Stir-Fried Chicken
หรือ
ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ อาหารระดับตำนานอีกจานของเมืองไทย
อันดับที่
8
Som Tam or
Spicy Papaya Salad
หรือ ส้มตำ อาหารอีสานคลาสสิกที่ไม่มีใครไม่รู้จัก
อันดับที่
7
Moo Sa-Te or
Grilled Pork Sticks with Turmeric
หรือ
หมูสะเต๊ะ อันหอมหวานพอดีลิ้น
อันดับที่
6
Panaeng or Meat
in Spicy Coconut Cream
หรือ
พะแนง หวาน ๆ มัน ๆ เผ็ดเล็กน้อย พอปะแล่มลิ้น
อันดับที่
5
Tom Yam Gai or
Chicken Soup (Spicy)
หรือ
ต้มยำไก่ อาหารจานเด็ดอีกรายการที่ถูกลิ้นถูกใจคนค่อนโลก
อันดับที่
4
Tom Yam Goong
or Spicy Shrimp Soup
หรือ
ต้มยำกุ้ง สุดยอดอาหารไทยที่รู้จักทั่วโลก ดังขนาดต้องเอาไปตั้งชื่อหนังขายฝรั่ง
อันดับที่
3
Tom Kha Kai Or
Chicken In Coconut Milk Soup
หรือ
ต้มข่าไก่ รสชาติและกลิ่นอันหอมหวลที่ใครก็ยากจะปฏิเสธ
อันดับที่
2
Kang Keaw Wan
Kai or Chicken Curry (Green)
หรือ
แกงเขียวหวานไก่ อาหารจานเด็ดที่ประยุกต์ให้รับประทานได้กับหลากหลายเมนู
อันดับที่
1
Pad Thai
หรือ
ผัดไทย ของโปรดของใครหลายคนที่ถือเป็นอาหารประจำชาติกันเลยทีเดียว
(แค่ชื่อก็บ่งบอกแล้ว)
มีอาหารจานโปรดของใครบ้างหรือเปล่า
เห็นกันหรือยังครับว่าเราโชคดีแค่ไหนที่ได้เกิดเป็นคนไทย
มีอาหารอร่อยและราคาถูกให้กินกันตลอดทั้งปีทั้งชาติ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://travel.mthai.com/blog/5301.html
ไปเกาหลีในช่วงไหนดีนะ ?
ไปเที่ยวเกาหลีช่วงไหนดี
ประเทศเกาหลีใต้มี 4 ฤดูที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
คือ
1.ฤดูใบไม้ผลิ จะเริ่มราวเดือนมีนาคม-พฤษภาคมต้นไม้จะเริ่มผลิใบและออกดอกสะพรั่งท้องฟ้าแจ่มใสมีแสงแดดสดใสอากาศเริ่มอบอุ่นโดยอุณหภูมิอยู่ประมาณ10-19องศาเซลเซียส การท่องเที่ยวก็สวมเสื้อผ้าสบายๆมีแจ็คเก็ตทับก็เพียงพอแล้วเวลากลางวันก็เริ่มยาวนานขึ้นสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆก็ยึดเวลาเปิดออกไปถึง 18.00 น.
2.ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคมภูมิทัศน์โดยทั่วไปต้นไม้ต้นหญ้าจะผลิใบเต็มที่มองไปทางไหนก็เขียวขจีไปหมดอุณหภูมิอยู่ระหว่าง20-35องศาเซลเซียส เสื้อผ้าที่ควรนำไปควรเป็นชุดที่สวมใส่สบายๆพร้อมเสื้อแจ็คเก็ตบางๆก็พอใช้ได้เนื่องจากบางช่วงที่มีฝนตกก็จะทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงมาได้ช่วงที่มีฝนตกหนักที่สุดเห็นจะเป็นช่วงเดือนกรกฎาคม
3.ฤดูใบไม้ร่วง (ใบไม้เปลี่ยนสี) อยู่ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายนอุณหภูมิจะเริ่มลดต่ำลงมาอยู่ระหว่าง 5-15 องศาเซลเซียส ท้องฟ้าแจ่มใสใบไม้ของต้นไม้ต่างๆเริ่มเปลี่ยนจากเขียวเป็นเหลือง
สีทอง สีแดง
และสีน้ำตาลก่อนที่จะร่วงหล่นลงมาเป็นกองๆในช่วงท้ายๆของเดือนพฤศจิกายนเหลือไว้แต่เพียงกิ่งก้านเพื่อรองรับการมาเยือนของฤดูหนาวและหิมะหญ้าก็เริ่มแห้งเหี่ยวและกลายเป็นสีน้ำตาลซีดๆช่วงนี้จึงเป็นช่วงทีเหมาะสมแก่การไปเที่ยวเกาหลีมากที่สุดช่วงนี้แหล่งท่องเที่ยวต่างๆก็จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งคนเกาหลีและชาวต่างชาติที่หลงใหลในบรรยากาศของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีนี้
4.ฤดูหนาว ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ที่เกาหลีฤดูหนาวถือว่าหนาวจัดเพราะมีหิมะปกคลุมกันแทบทั้งประเทศอุณหภูมิจะติดลบถึง-10องศาเซลเซียส ถ้าจะไปเที่ยวเกาหลีช่วงนี้เสื้อผ้าเครื่องกันหนาวเตรียมให้พร้อมและเป็นช่วงที่เล่นหิมะหรือสกีรีสอร์ทบนยอดเขาต่างๆจะถูกหิมะปกคลุมเอาไว้ทำให้ทั้งเมืองนั้นขาวโพลนแต่การดำเนินชีวิตก็คงดำเนินไปตามปกติเพราะภายในบ้านเรือน
ห้างร้าน ห้างสรรพสินค้าอาคารสถานที่ต่างก็มีเครื่องทำความร้อนหรือฮีตเตอร์เปิดให้ความอบอุ่นพื้นห้องพักในบ้านหรือโรงแรมที่พักพื้นก็จะอุ่นตลอดเวลาทำให้ไม่ลำบากในการเดินทางท่องเที่ยว
*แม้เกาหลีจะมีฤดูกาลที่แตกต่างกันถึง4ฤดูแต่เราก็สามารถเดินทางไปเที่ยวเกาหลีตลอดทั้งปี
หากชอบความชุ่มชื่นสดใสของมวลแมกไม้ก็เดินทางไปเที่ยวได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมเรื่อยไปถึงเดือนสิงหาคมโดยที่ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนนั้นอากาศก็ยังคงหนาวอยู่บ้าง หากอยากจะเห็นสีสันของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็เดินทางไปได้ตั้งแต่ตุลาคม-พฤศจิกายน หากชอบอากาศหนาวและอยากเห็นหิมะก็เดินทางท่องเที่ยวไปได้ในฤดูหนาว
• หมายเหตุ : เวลาที่เกาหลี เร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง
ที่มา: http://www.koreaholidaytour.com/
อาหารยอดนิยมจากประเทศเกาหลี
รายการอาหารยอดฮิตจากประเทศเกาหลี
1.
เริ่มด้วยมื้อแรกเป็นรามยอนทะเลที่ COEX MALL Food Courtโจ๊ปลา Alaskan Pollack เผ็ดนิดๆที่ร้าน BonJuk หรือร้านโจ๊กอร่อยในย่านเมียงดงโจ๊กหอยหวานที่ร้าน Bonjuk เช่นกันข้าวสวยที่อบมากะทะร้อนมีฝาไม้ปิดรับประทานกับปลาแม็คเคอเรลย่างเนื้อเยอะและหอมอร่อยมากที่ย่านอินซาดงเซ็ทต่อมาเป็นอาหารกลางวันที่
Food Court ของห้าง Shinsegae ย่านตลาดนัมแดมุนห้างนี้หรูเหมือนเอ็มโพเรียมราคาอาหารในฟู้ดคอร์ทก็เลยแพงขึ้นเป็นเงตามตัวแต่ปริมาณอาหารเยอะสมราคาและคุณภาพ คือข้าวห่อไข่ Omurice ที่มาพร้อมไก่ทอดราดซอสราดหน้ากุ้งเปรี้ยวหวาน
กุ้งตัวใหญ่มากคราวนี้ออกไปนอกกรุงโซลบ้างที่เมืองแทกูแวะมาที่ร้านอาหาร BONBAP (ข้าวอร่อย) ซึ่งเป็นเชนร้านอาหารของที่นี่เขามีทั่วไปในหลายเมืองของเกาหลีอาหารอย่างแรกเป็นซุปกิมจิ Gimji Jigae กินกับข้าวสวยร้อนๆและเครื่องเคียงมาเป็นเซ็ทส่วนอีกอันเป็นพีบิมบัพหน้าปลาหมึกผัด บะหมี่ทะเลต้มยำ Seafood Ramyeon วอนเช่นกันเป็นร้านอาหารเล็กๆที่เกาะเชจูเป็นร้าน อาหารที่อยู่ที่เมืองjaju cityส่วนอาหารกลางวันขอแนะนำเป็นคิมบับท่อน (ข้าวม้วนสาหร่าย)ร้านบอนบัปเช่นกันอันนี้เป็น Pajeon พาจอน...พิซซ่าเกาหลี
มีต้นหอมและกุ้งกรอบนอกนุ่มในอร่อยมาก(คล้ายๆหอยทอดในเมืองไทย)ทัคคาลบี เป็นเนื้อไก่ที่หั่นออกมาเป็นชิ้นพอคำ
คลุกเคล้าด้วยเครื่องปรุงและหมักไว้จนได้ที่ เมื่อรับประทานจะนำมาผัดบนกระทะยักษ์
พร้อมด้วยต็อกชนิดตัดเป็นเส้นหนานุ่มคล้ายเส้นก๋วยเตี๋ยวมาผัดให้เข้ากัน
และสุดท้ายเอาข้าวมาผัดทานเป็นข้าวผัดได้อีกด้วย แกล้มด้วยสาหร่าย โอเด้ง
(เนื้อปลาผสมแป้ง) กิมจิ พร้อมข้าวสวยร้อนๆชับเช เป็นอาหารที่คนเกาหลีชอบโดยนำผักที่ชอบหรือที่มีตามฤดูกาลมาผัดรวมกันโดยใส่น้ำมันเล็กน้อย
แล้วใส่เนื้อวัวที่หั่นชิ้นเต็มคำ และนำไปผัดกับวุ้นเส้นเกาหลี
เมื่อเส้นและส่วนผสมผัดจนสุกดีแล้ว จึงนำมาคลุกเคล้าเพิ่มรสชาติด้วยซอสถั่วเหลือง
น้ำตาล และน้ำมันงาต็อกกุก เป็นซุปต็อกที่นิยมรับประทานกันในฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูหนาว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันซอลลัล (วันหยุดช่วงวันปีใหม่)
ต็อกซึ่งทำมาจากข้าวจะนำมาต้มรวมกับน้ำซุปกระดูกวัว
คนเกาหลีเชื่อว่าถ้ายังไม่ได้รับประทานต็อกกุกในช่วงปีใหม่นั้นก็จะถือว่ายังไม่โตขึ้นไปอีกหนึ่งปีซัมเกทัง หรือไก่ตุ๋นโสม ตำรับยอดนิยมของชาววังซึ่งรับประทานเพื่อบำรุงสุขภาพ
ใช้ไก่ที่อายุพอเหมาะกับการรับประทาน (อายุ 45 วัน) ท่านละ 1 ตัว ก่อนอื่นให้ล้างเครื่องในออกให้หมดแล้วยัดไส้ด้วยของบำรุง อาทิเช่น
เม็ดพุทราแห้ง รากโสมเกาหลี เก๋ากี้ ข้าวสาร จากนั้นนำไปตุ๋นจนนุ่ม
รับประทานร้อนๆเสริมรสชาติด้วยเส้นอุด้ง ปรุงรสด้วยพริกไทย และเกลือป่นของเกาหลี
เสิร์ฟพร้อม Ginseng wine เป็นโซจูดองโสมเพื่อบำรุงร่างกายให้คึกคักกระปรี้กระเปร่า
1.
มียอกกุก
หรือซุปสาหร่าย
เป็นสาหร่ายต้มในน้ำซุปกับหมูบดหรือกุ้งบดปั้นเป็นก้อน
คนเกาหลีจะนิยมรับประทานมียอกกุกโดยเฉพาะในวันเกิด ด้วยความเชื่อที่ว่า
ชีวิตจะราบลื่น ไม่มีอุปสรรคเหมือนสาหร่ายที่ลื่นและมีความยืดหยุ่น
o
หากเบื่ออาหารเกาหลีแล้วในย่านเมียงดงก็มีร้านอาหารอื่นๆให้รับประทานอาทิเช่นที่
Pizza
Mall แห่งนี้มีเซ็ทพิซซ่าและพาสต้าพร้อมเครื่องดื่ม
เหมาะสำหรับสองท่าน
ของว่างของประเทศเกาหลี
1.
ขนมต๊อก
เป็นขนมของเกาหลีซึ่งมีหลายชนิด
ส่วนมากมีลักษณะเป็นแป้งต้มคล้ายขนมเหนียวของบ้านเราแต่ไม่มีมะพร้าว รสชาติออกหวาน
ต๊อกบางชนิดจะมีไส้ถั่วแดงกวนอยู่ข้างในส่วนด้านนอกเคลือบด้วยถั่วป่น
นิยมรับประทานคู่กับน้ำซินนามอน(อบเชย) หรือชา ขนมต็อกนี้เกี่ยวข้องกับเทศกาลต่างๆของเกาหลี
พวกเขาจะช่วยกันปั้นขนม ต็อก เพื่อขอพรและเป็นการกระชับความสัมพันธ์คนในครอบครัวด้วย
2.
พิงซูหรือน้ำแข็งใส
เป็นของหวานดับความร้อนของเกาหลี
ลักษณะคล้ายน้ำแข็งใสของบ้านเราซึ่งที่เกาหลีนั้นจะใส่ผลไม้นานาชนิดลงไป
หรืออาจใส่ถั่วแดงกวนลงไปก่อน ตามด้วยน้ำแข็งใสและผลไม้
บ้างอาจใส่ไอติมหรือวิปปิ้งครีมเพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)