Korea !!

สอบไฟนอลวันที่ 29 พฤศจิกายน - 17 ธันวาคม พ.ศ.2559 กรุณาเตรียมความพร้อมในการสอบ ขอให้โชคดี
รู้เฟื่อง เรื่องเกาหลี ไปกับ Khumo in korea

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

10 เหตุผลที่ควรเที่ยวเมืองไทย (ในมุมมองชาวต่างชาติ)

10 เหตุผลที่ควรเที่ยวเมืองไทย (ในมุมมองชาวต่างชาติ)

เมื่อไม่นานมานี้ เว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวของต่างประเทศที่มีชื่อว่า บูทส์ แอนด์ ออลได้นำเสนอบทความ 10 เหตุผลที่ควรไปเที่ยวเมืองไทยเดี๋ยวนี้เพื่อชักชวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้เดินทางมาเยือนเมืองไทย

1. มีอาหารอร่อยขั้นเทพให้เลือกรับประทานมากมาย

อาหารไทยไม่ได้มีดีแค่ต้มยำกุ้งและผัดไทยเท่านั้น แต่ยังมีอาหารพื้นเมืองอื่นๆ อีกหลายชนิด ที่น่าลิ้มลองไม่แพ้กัน และถ้าใครอยากทานอาหารไทยในราคาแสนประหยัด ขอแนะนำให้ลองทานอาหารตามรถเข็น แผงข้างทาง  หรือตามไนท์มาร์เก็ตทั่วไทย เพราะจะมีอาหารราคาถูกให้เลือกมากมายตั้งแต่เมนูข้าวเหนียว อาหารทอด-ย่าง ต้มยำ ต้มข่า  ตลอดจน ผลไม้สด น้ำผลไม้ปั่น และขนมไทยนานาชนิด  แต่ที่เด็ดสุดและไม่ควรพลาดก็คือ ข้าวเหนียวมะม่วง



2. เต็มไปด้วยชายหาดและเกาะสวยๆ

หลายคนคงเคยเห็นภาพถ่ายและโปสการ์ดรูปชายหาดสวยๆ ที่มีอยู่มากมายหลายแห่งในเมืองไทย หรือไม่ก็ภาพบรรยากาศงานปาร์ตี้ริมชายหาดที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก สิ่งเหล่านี้แหล่ะที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เดินทางไปเที่ยวที่เมืองไทย ก็ใครล่ะจะไม่ชอบหาดทรายขาวและน้ำทะเลใส ที่สำคัญนอกจากต้นมะพร้าวแล้ว ชายหาดหลายแห่งในเมืองไทยยังประกอบด้วยภูเขาหรือหน้าผาหินปูนรูปร่างสวยงามแปลกตาอีกด้วยเตรียมแว่นกันแดดและหนังสือดีๆ สักเล่ม แล้วเดินทางไปเที่ยวทะเลที่เมืองไทย รับรองว่าคุณจะประทับใจไม่รู้ลืม



3. ประหยัด ถูกใจ สบายกระเป๋า แต่ก็มีที่พักและบริการระดับ 5 ดาวให้เลือกเช่นกัน

ประเทศไทยเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวสุดฮอตทั้งของบรรดาเศรษฐี คนมีกะตังส์ ไปจนถึงเหล่าแบ็คแพคเกอร์ กล่าวคือไปเยือนประเทศนี้แล้วสามารถเที่ยวได้ทั้งแบบประหยัดและสุดหรู ไม่ว่าจะไปเยือนเมืองใหญ่อย่าง กรุงเทพฯ เชียงใหม่ หรือเมืองท่องเที่ยวริมทะเลอย่าง พัทยา หัวหิน ภูเก็ต ก็จะมีที่พักหลายระดับราคาให้เลือก นับตั้งแต่ห้องพักราคาถูกสุดๆ ไปจนถึงห้องสวีทสุดหรูในโรงแรม 5 ดาว แม้แต่การนวดแผนไทยก็มีให้เลือกหลายระดับราคา เรียกได้ว่าไปแล้วคุ้มค่า คุ้มราคา ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดก็ตาม




4. มีสินค้าดี ราคาถูก ให้เลือกช้อปกระจาย

เมืองไทยมีสินค้าน่าสนใจมากมายให้เลือกช้อป โดยเฉพาะอย่างยิ่งตามตลาดนัดและไนท์มาร์เก็ต แต่แหล่งช้อปปิ้งชื่อดังก็คือ ตลาดนัดสวนจตุจักร ที่นั่นคุณจะเจอของทุกอย่างที่ต้องการ นับตั้งแต่ สัตว์เลี้ยง เครื่องนอน เครื่องถ้วยชาม เสื้อผ้า อาหาร ต้นไม้ จิวเวลลี่ ฯลฯ แต่ต้องวางแผนเรื่องเวลาและเงินในกระเป๋าให้ดีๆ เพราะไปแล้วอาจช้อปเพลินจนเลยเวลาที่กำหนด หรือไม่ก็หมดงบก่อนเวลาอันควร



5. มีวัฒนธรรมที่หลากหลายและเป็นมิตรสุดๆ
หลายคนเห็นภาพวัดที่มีเจดีย์สีทองอร่าม และภาพชาวเขาทางตอนเหนือของประเทศไทยแล้วรู้สึกประทับใจ แต่ภาพที่เห็นยังไม่ใช่ทั้งหมดของความอะเมซิ่ง เพราะถ้าใครมีโอกาสไปเยือนเมืองไทยแล้วจะรู้ว่าคนไทยใจดีและเป็นมิตรมากๆ  ทั้งยังมองโลกในแง่ดีอีกต่างหาก ไม่ว่าไปที่ไหนคุณจึงมักมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าคนไทยเสมอ สมกับที่ได้รับฉายา เดอะ แลนด์ ออฟ สไมล์



6. เดินทางสะดวกและง่ายดาย

บางท่านอาจรู้สึกหวาดๆ เมื่อต้องเดินทางไปเยือนประเทศในแถบเอเชียเป็นครั้งแรก เพราะไม่รู้ว่าการเดินทางจะยุ่งยากแค่ไหน และไม่มั่นใจว่าจะปลอดภัยหรือเปล่า ซึ่งบอกได้คำเดียวว่า หายห่วงโดยเฉพาะประเทศไทย เพราะที่นี่คุณสามารถจองรถบัส (นำเที่ยว) เครื่องบิน รถไฟ เพื่อขึ้นเหนือ-ลงใต้ได้ที่โรงแรม ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางแบบสุดหรูหรือสุดคุ้มก็ตาม แต่ถ้าเป็นการเดินทางระยะสั้นๆ ก็ยังมี รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง รถแท็กซี่ รถตุ๊กๆ รถสองแถว รถประจำทาง ตลอดจนรถไฟฟ้า และรถไฟใต้ดิน ให้เลือกใช้บริการ



7. เดินทางต่อไปยังประเทศใกล้เคียงได้ง่าย

นอกจากการเดินทางท่องเที่ยวทั่วไทยจะทำได้โดยสะดวกและง่ายดายแล้ว การเดินทางข้ามแดนไปยังประเทศเพื่อนบ้านของไทยก็ทำได้ง่ายเช่นกัน และเนื่องจากประเทศไทยมีพรมแดนติดต่อกับ ลาว เขมร เวียดนาม และมาเลเซีย การเดินทางต่อไปยังประเทศเหล่านี้จึงทำได้ง่ายทั้งขาไปและขากลับ ที่สำคัญ กรุงเทพฯ ยังเป็นหนึ่งในเมืองหลักด้านการเดินทางและที่พักของเอเชีย คุณจึงสามารถฝากกระเป๋าไว้ที่เกสต์เฮ้าส์แล้วเดินทางต่อไปยังประเทศอื่่น โดยเสียค่ารับฝากกระเป๋าเพียงวันละประมาณ 30 บาทเท่านั้น ที่สำคัญ ตั๋วเครื่องบินสำหรับเดินทางต่อไปยังประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชียอย่าง อินเดีย เนปาล และจีน ยังค่อนข้างถูกอีกด้วย



8. ค่าใช้จ่ายถูกลงกว่าเดิม

แม้การตอกย้ำความเจ็บปวดของคนอื่นจะเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหลังจากประเทศไทยมีปัญหาทางด้านการเมืองอย่างหนักในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ธุรกิจด้านการท่องเที่ยวของไทยก็ซบเซาลง ซึ่งหมายความว่าการไปเที่ยวเมืองไทยในช่วงนี้จะมีค่าใช้จ่ายถูกลง ขณะที่การบริการยังดีเหมือน (หรืออาจมากกว่า) เดิม

ความจริงแล้วเมืองไทยเป็นประเทศที่ค่อนข้างปลอดภัย แม้ในช่วงที่มีปัญหาจราจลหรือเกิดเหตุประท้วงในกรุงเทพฯ ก็ไม่ส่งผลลามมาถึงนักท่องเที่ยว (ไม่มีการมุ่งทำร้ายหรือหมายเอาชีวิตนักท่องเที่ยว) ขณะที่คนกรุงเทพฯ เองก็ยังคงดำเนินชีวิตต่อไปตามปกติ ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ไม่ได้ช่วยแก้ตัวหรือตอกย้ำปัญหาของเมืองไทย แต่ต้องการชี้ให้เห็นว่าปีนี้ไม่ใช่ปีที่ดีนักในด้านการท่องเที่ยวของที่นี่ ซึ่งถ้ามองอีกมุมหนึ่งก็ถือเป็นโอกาสทองของนักท่องเที่ยวที่จะได้เดินทางไปเยือนเมืองไทยในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม (หมายเหตุ: บทความนี้เผยแพร่ก่อนเงินบาทแข็งค่า)

9. ท่องเที่ยวผจญภัยได้สารพัดรูปแบบ

อยากลองขี่ช้างดูบ้างมั๊ย? อยากพายเรือคายัครอบเกาะสวยๆ หรือเปล่า? ใครอยากเดินสำรวจป่าเขตร้อนชื้นดูบ้างเอ่ย? หรืออยากเดินขึ้นดอยเพื่อไปเยือนหมู่บ้านชาวเขาดูบ้างมั๊ย?… คุณทำได้ทั้งหมดนี้เลยนะ ถ้าหากเดินทางไปเยือนเมืองไทย



10. เป็นสวรรค์ของนักดำน้ำ
ประเทศไทยเป็นที่ตั้งของแหล่งดำน้ำดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก (หมู่เกาะสิมิลัน) จึงดึงดูดนักดำน้ำทั้งแบบน้ำลึกและน้ำตื้นให้เดินทางไปชมความงามของโลกใต้ทะเลที่นั่นเป็นจำนวนมาก และถ้าหากใครดำน้ำไม่เป็นก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ไปเรียนดำน้ำที่เมืองไทย เพราะค่าใช้จ่ายไม่แพงมาก และยังมีให้เลือกหลายแห่งอีกด้วย


ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://paow007.wordpress.com/2010/11/02/10-%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%9C%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7/

8 เกาะในท้องทะเลไทย สวยโรแมนติกถูกใจชาวต่างชาติสุดๆ

8 เกาะในท้องทะเลไทย สวยโรแมนติกถูกชาวต่างชาติสุดๆ



  ท้องทะเลไทยได้ชื่อว่าสวยงามไม่แพ้ที่ไหนในโลก ทั้งหาดทรายขาว น้ำทะเลสวยใส อีกทั้งยังมีที่พักหลากหลายแบบ ร้านค้า ร้านอาหารมากมาย และการเดินทางยังแสนสะดวกสบายอีกด้วย นั่นจึงทำให้ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างก็หลงรักท้องทะเลในเมืองไทย ซึ่งเว็บไซต์ stylishpedia.com ก็ได้คัดเลือก 8 เกาะในไทย ที่สวยโดนใจและเป็นที่หลงใหลของชาวต่างชาติมาให้เราได้ชมกัน เกาะไหนที่จะสวยและโรแมนติกในสายตาชาวต่างชาติ และสามารถไปนั่งพูดคุยกับฝรั่งได้อย่างสนุกสนานบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ

1. เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง


         เกาะเสม็ด เป็นเกาะที่มีธรรมชาติทางท้องทะเลที่สวยงาม และยังอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ การเดินทางก็แสนง่ายดาย มีรถโดยสารประจำทางไปส่งถึงท่าเรือบริเวณตลาดบ้านเพทุกวัน ซึ่งบนเกาะเสม็ดก็มีหลายชายหาดให้ได้ไปเดินทอดน่อง สูดอากาศบริสุทธิ์ริมทะเลกัน อาทิ หาดทรายแก้ว, อ่าวน้อยหน่า, อ่าวพร้าว, อ่าวไผ่, อ่าววงเดือน, อ่าวแสงเทียน, อ่าวนวล, อ่าวปะการัง เป็นต้น ยามกลางวันบนเกาะเสม็ดจะเงียบสงบ เหมาะแก่การเล่นน้ำทะเล ว่ายน้ำดูปะการังริมหาด หรือจะนอนอ่านหนังสือ อาบแดดบนหาดทรายก็ได้เช่นกัน ยามค่ำคืนที่นี่จะไม่เงียบเหงา เพราะมีหลายหาดที่มีร้านอาหาร ผับ บาร์ เปิดบริการมากมาย นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างก็ชอบที่จะมานั่งพูดคุยกับเพื่อนใหม่ ใครอยากฝึกภาษาอังกฤษก็ลองหาเวลาไปเที่ยวเกาะเสม็ดกันได้เลยค่ะ




2.  เกาะยาวใหญ่ จังหวัดพังงา


          เกาะยาวใหญ่ ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ซึ่งอยู่ระหว่างจังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดกระบี่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้ทั้งจาก 3 จังหวัด โดยสิ่งที่น่าสนใจของเกาะยาวใหญ่ ก็คือเป็นเกาะที่มีธรรมชาติทางทะเลและป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์สวยงาม มีโค้งอ่าวสวยงามมากมาย อาทิ อ่าวคลองสน อ่าวทิวสน อ่าวนกเป็ดน้ำ และอ่าวไม้ไผ่ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโรงแรม รีสอร์ท ที่พัก ให้เลือกพักหลากหลายแบบ พร้อมทั้งร้านอาหาร ผับ บาร์ มากมาย อีกทั้งยังมีวิถีชีวิตของคนท้องถิ่นให้เที่ยวชมอีกด้วย




3. เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี



          เกาะเต่า เป็นเกาะเล็ก ๆ ในทะเลอ่าวไทย ในเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเกาะที่มีธรรมชาติสวยงาม น้ำทะเลเป็นสีฟ้าใส มองเห็นแนวปะการังและปลาหลากหลายชนิดใต้ท้องทะเลได้อย่างชัดเจน รวมทั้งยังเงียบสงบ สามารถพักผ่อนอยู่กับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ บนเกาะมีเพียงถนนสายเดียว จึงสามารถเที่ยวได้ง่าย ๆ และใช้เวลาไม่มากนัก นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ห่างจากเกาะนางยวน ซึ่งเป็นเกาะที่มีชื่อเสียงอีกเกาะหนึ่งของท้องทะเลไทย เพียงแค่ 480 เมตรเท่านั้น จึงทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเลือกที่จะมาใช้วันหยุดกันบนเกาะแห่งนี้




4. หมู่เกาะสิมิลัน จังหวัดพังงา


          หมู่เกาะสิมิลัน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของไทยที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก ด้วยท้องทะเลในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันนั้นมีความสวยงาม เต็มไปด้วยแนวปะการังหลากสีสัน พร้อมทั้งปลาและสัตว์ทะเลหลากหลายชนิด ซึ่งน้ำทะเลในแถบนี้จะเป็นสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ ใสสะอาด มองเห็นใต้ทะเลได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีหาดทรายขาว เนียนนุ่ม ราวกับผงแป้ง ไม่ว่าใครได้มาสัมผัสที่นี่ต่างก็ต้องตกหลุมรักไปตาม ๆ กัน สอบถามรายละเอียดได้ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน โทรศัพท์ 0 7645 3272




 5. เกาะช้าง จังหวัดตราด


          เกาะช้าง ตั้งอยู่ห่างจากอำเภอแหลมงอบประมาณ 8 กิโลเมตร โดยจะมีเรือเฟอร์รี่ข้ามไปยังเกาะช้างทุกวัน และยังสามารถนำรถส่วนตัวข้ามไปยังเกาะช้างได้อีกด้วย เพราะเกาะช้างมีพื้นที่มากถึง 429 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของเมืองไทยรองจากเกาะภูเก็ต ที่นี่จึงเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งที่ว่าการอำเภอ สถานีตำรวจ โรงพยาบาล ร้านค้า ฯลฯ นอกจากเกาะช้างจะมีหาดทรายและน้ำทะเลสวยใสแล้ว ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย และยังอยู่ใกล้กับเกาะหมากและเกาะกูดอีกด้วย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตราด โทรศัพท์ 0 3959 7259




6. เกาะพีพี จังหวัดกระบี่



          เกาะพีพี เป็นอีกหนึ่งเกาะของเมืองไทยที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ซึ่งภาพของเวิ้งอ่าวคู่ของอ่าวต้นไทรและอ่าวโละดาลัมอันสวยงามนั้น ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของท้องทะเลไทยที่โด่งดังไปทั่วโลกอีกด้วย

          เกาะพีพี ประกอบด้วย 2 เกาะใหญ่ คือ เกาะพีพีดอน และเกาะพีพีเล และยังมีอีก 4 เกาะเล็ก ๆ ใกล้เคียง คือ เกาะยูง เกาะไม่ไผ่ เกาะบิดะนอก และเกาะบิดะใน ศูนย์รวมของเกาะพีพีจะอยู่ที่เกาะพีพีดอน ที่นี่จะมีร้านค้า ร้านอาหาร และที่พักมากมาย รวมทั้งยังเป็นท่าเรือหลักของเกาะพีพี โดยบริเวณอ่าวต้นไทรจะมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติขึ้นไปยังจุดชมวิวบนยอดเขา ซึ่งสามารถมองเห็นวิวของเวิ้งอ่าวคู่ของอ่าวต้นไทรและอ่าวโละดาลัมได้อย่างชัดเจน สอบถามรายละเอียดอื่น ๆ และการเดินทางได้ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกระบี่ โทรศัพท์ 0 7562 2163, 0 7561 2811-2




 7. เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี


          เกาะสมุย ตั้งอยู่ห่างจากชายฝั่งจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประมาณ 35 กิโลเมตร เป็นเกาะขนาดใหญ่ มีเนื้อที่ประมาณ 247 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถือว่าเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเมืองไทย เกาะสมุยได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอย่างมาก เพราะบนเกาะแห่งนี้มีธรรมชาติที่สวยงาม เงียบสงบ ชาวบ้านยังคงใช้ชีวิตกันอย่างเรียบง่าย แต่ก็ยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พร้อมทั้งยังมีโรงแรม รีสอร์ทหรูหรา ร้านอาหารระดับ 5 ดาวมากมาย หรือใครชอบแบบแบ็คแพ็กเกอร์ที่นี่ก็มีรองรับ

          สำหรับใครที่ชอบความเงียบสงบที่นี่ก็มีชายหาดหลายแห่งที่น่านอนเล่นพักผ่อน ยามค่ำคืนใครอยากออกมาสนุกสนานกับเสียงเพลงและผู้คน ก็มีร้านค้า ผับ บาร์ เปิดบริการริมชายหาดอย่างครึกครื้น เรียกได้ว่ามาที่เดียวแต่เที่ยวได้อย่างหลากหลาย ทำให้นักท่องเที่ยวจึงเลือกที่จะมาเที่ยวเกาะสมุย เพราะมันคุ้มเกินคุ้ม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวสมุย โทรศัพท์ 0 7742 0504




 8. เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี


          เกาะพะงัน เป็นอีกหนึ่งเกาะของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก เพราะที่นี่คือสถานที่จัดงานฟูลมูน ปาร์ตี้ ริมชายหาดที่สวยงามและสนุกสนานติดอันดับโลกเลยทีเดียว โดยนักท่องเที่ยวมากมายจะหลั่งไหลมาที่เกาะพะงันในค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวงกันอย่างมากมาย เพื่อมาสนุกสนานกับเสียงเพลงและดนตรีริมชายหาด และดื่มด่ำกับความโรแมนติกในคืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งจะมีทั้งเสียงเพลงและเสียงคลื่นทะเลคอยขับกล่อมให้ผู้คนได้สนุกสนานกันอย่างเต็มที่

          เกาะพะงัน ตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 100 กิโลเมตร มีหาดทรายที่สวยงามอยู่รอบ ๆ เกาะ พร้อมทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากเกาะสมุย เกาะเต่า และเกาะนางยวน ซึ่งมักจะมีเรือโดยสารจากเกาะต่าง ๆ มายังเกาะพะงันในช่วงงานฟูลมูน ปาร์ตี้ ที่นี่จึงครึกครื้นตลอดทั้งปี


          


ทั้งหมดนี้เป็นเพียงที่ท่องเที่ยวโดดเด่นในสายตานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเท่านั้น ซึ่งอันที่จริงแล้วในท้องทะเลไทย ทั้งจากฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทยยังมีทะเลอีกหลายแห่งที่มีความสวยงามไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย วันหยุดว่าง ๆ ใครอยากหาสักสถานที่ไปสวีทหวานกับคู่รัก ก็ลองออกไปสัมผัสทะเลไทยกันนะคะ :)



 ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://travel.kapook.com/view139684.html

10 อันดับ อาหารไทยที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ

เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าอาหารไทยคือแรงกระตุ้นสำคัญให้ชาวต่างชาติอยากมาเที่ยวเมืองไทยซ้ำแล้วซ้ำอีก เนื่องจากรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และความอร่อยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก เว็บไซต์ top-10-list.org จึงทำการจัดอันดับ 10 สุดยอดอาหารไทยที่ชาวต่างชาติคลั่งไคล้เป็นพิเศษ

10 อันดับ อาหารไทยที่ชาวต่างชาติชื่นชอบ

อันดับที่ 10
Por Pia Tord or Fried Spring Roll
หรือ ปอเปี๊ยะทอดสุดอร่อยนั่นเอง



อันดับที่ 9
Gai Pad Met Mamuang or Cashew Nuts In Stir-Fried Chicken
หรือ ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ อาหารระดับตำนานอีกจานของเมืองไทย



อันดับที่ 8
Som Tam or Spicy Papaya Salad
หรือ ส้มตำ อาหารอีสานคลาสสิกที่ไม่มีใครไม่รู้จัก



อันดับที่ 7
Moo Sa-Te or Grilled Pork Sticks with Turmeric
หรือ หมูสะเต๊ะ อันหอมหวานพอดีลิ้น



อันดับที่ 6
Panaeng or Meat in Spicy Coconut Cream
หรือ พะแนง หวาน ๆ มัน ๆ เผ็ดเล็กน้อย พอปะแล่มลิ้น



อันดับที่ 5
Tom Yam Gai or Chicken Soup (Spicy)
หรือ ต้มยำไก่ อาหารจานเด็ดอีกรายการที่ถูกลิ้นถูกใจคนค่อนโลก



อันดับที่ 4
Tom Yam Goong or Spicy Shrimp Soup
หรือ ต้มยำกุ้ง สุดยอดอาหารไทยที่รู้จักทั่วโลก ดังขนาดต้องเอาไปตั้งชื่อหนังขายฝรั่ง



อันดับที่ 3
Tom Kha Kai Or Chicken In Coconut Milk Soup
หรือ ต้มข่าไก่ รสชาติและกลิ่นอันหอมหวลที่ใครก็ยากจะปฏิเสธ



อันดับที่ 2
Kang Keaw Wan Kai or Chicken Curry (Green)
หรือ แกงเขียวหวานไก่ อาหารจานเด็ดที่ประยุกต์ให้รับประทานได้กับหลากหลายเมนู



อันดับที่ 1
Pad Thai
หรือ ผัดไทย ของโปรดของใครหลายคนที่ถือเป็นอาหารประจำชาติกันเลยทีเดียว (แค่ชื่อก็บ่งบอกแล้ว)




มีอาหารจานโปรดของใครบ้างหรือเปล่า เห็นกันหรือยังครับว่าเราโชคดีแค่ไหนที่ได้เกิดเป็นคนไทย มีอาหารอร่อยและราคาถูกให้กินกันตลอดทั้งปีทั้งชาติ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://travel.mthai.com/blog/5301.html

ไปเกาหลีในช่วงไหนดีนะ ?

ไปเที่ยวเกาหลีช่วงไหนดี

ประเทศเกาหลีใต้มี 4 ฤดูที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด คือ

1.ฤดูใบไม้ผลิ จะเริ่มราวเดือนมีนาคม-พฤษภาคมต้นไม้จะเริ่มผลิใบและออกดอกสะพรั่งท้องฟ้าแจ่มใสมีแสงแดดสดใสอากาศเริ่มอบอุ่นโดยอุณหภูมิอยู่ประมาณ10-19องศาเซลเซียสการท่องเที่ยวก็สวมเสื้อผ้าสบายๆมีแจ็คเก็ตทับก็เพียงพอแล้วเวลากลางวันก็เริ่มยาวนานขึ้นสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆก็ยึดเวลาเปิดออกไปถึง 18.00 น.



2.ฤดูร้อน ระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคมภูมิทัศน์โดยทั่วไปต้นไม้ต้นหญ้าจะผลิใบเต็มที่มองไปทางไหนก็เขียวขจีไปหมดอุณหภูมิอยู่ระหว่าง20-35องศาเซลเซียสเสื้อผ้าที่ควรนำไปควรเป็นชุดที่สวมใส่สบายๆพร้อมเสื้อแจ็คเก็ตบางๆก็พอใช้ได้เนื่องจากบางช่วงที่มีฝนตกก็จะทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงมาได้ช่วงที่มีฝนตกหนักที่สุดเห็นจะเป็นช่วงเดือนกรกฎาคม





3.ฤดูใบไม้ร่วง (ใบไม้เปลี่ยนสี) อยู่ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายนอุณหภูมิจะเริ่มลดต่ำลงมาอยู่ระหว่าง 5-15 องศาเซลเซียสท้องฟ้าแจ่มใสใบไม้ของต้นไม้ต่างๆเริ่มเปลี่ยนจากเขียวเป็นเหลือง สีทอง สีแดง และสีน้ำตาลก่อนที่จะร่วงหล่นลงมาเป็นกองๆในช่วงท้ายๆของเดือนพฤศจิกายนเหลือไว้แต่เพียงกิ่งก้านเพื่อรองรับการมาเยือนของฤดูหนาวและหิมะหญ้าก็เริ่มแห้งเหี่ยวและกลายเป็นสีน้ำตาลซีดๆช่วงนี้จึงเป็นช่วงทีเหมาะสมแก่การไปเที่ยวเกาหลีมากที่สุดช่วงนี้แหล่งท่องเที่ยวต่างๆก็จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งคนเกาหลีและชาวต่างชาติที่หลงใหลในบรรยากาศของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีนี้




4.ฤดูหนาว ระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ที่เกาหลีฤดูหนาวถือว่าหนาวจัดเพราะมีหิมะปกคลุมกันแทบทั้งประเทศอุณหภูมิจะติดลบถึง-10องศาเซลเซียสถ้าจะไปเที่ยวเกาหลีช่วงนี้เสื้อผ้าเครื่องกันหนาวเตรียมให้พร้อมและเป็นช่วงที่เล่นหิมะหรือสกีรีสอร์ทบนยอดเขาต่างๆจะถูกหิมะปกคลุมเอาไว้ทำให้ทั้งเมืองนั้นขาวโพลนแต่การดำเนินชีวิตก็คงดำเนินไปตามปกติเพราะภายในบ้านเรือน ห้างร้าน ห้างสรรพสินค้าอาคารสถานที่ต่างก็มีเครื่องทำความร้อนหรือฮีตเตอร์เปิดให้ความอบอุ่นพื้นห้องพักในบ้านหรือโรงแรมที่พักพื้นก็จะอุ่นตลอดเวลาทำให้ไม่ลำบากในการเดินทางท่องเที่ยว





*แม้เกาหลีจะมีฤดูกาลที่แตกต่างกันถึง4ฤดูแต่เราก็สามารถเดินทางไปเที่ยวเกาหลีตลอดทั้งปี หากชอบความชุ่มชื่นสดใสของมวลแมกไม้ก็เดินทางไปเที่ยวได้ตั้งแต่เดือนมีนาคมเรื่อยไปถึงเดือนสิงหาคมโดยที่ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายนนั้นอากาศก็ยังคงหนาวอยู่บ้าง หากอยากจะเห็นสีสันของฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็เดินทางไปได้ตั้งแต่ตุลาคม-พฤศจิกายน หากชอบอากาศหนาวและอยากเห็นหิมะก็เดินทางท่องเที่ยวไปได้ในฤดูหนาว
• หมายเหตุ เวลาที่เกาหลี เร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง

 ที่มา: http://www.koreaholidaytour.com/

อาหารยอดนิยมจากประเทศเกาหลี

 รายการอาหารยอดฮิตจากประเทศเกาหลี


1.           เริ่มด้วยมื้อแรกเป็นรามยอนทะเลที่ COEX MALL Food Courtโจ๊ปลา Alaskan Pollack เผ็ดนิดๆที่ร้าน BonJuk หรือร้านโจ๊กอร่อยในย่านเมียงดงโจ๊กหอยหวานที่ร้าน Bonjuk เช่นกันข้าวสวยที่อบมากะทะร้อนมีฝาไม้ปิดรับประทานกับปลาแม็คเคอเรลย่างเนื้อเยอะและหอมอร่อยมากที่ย่านอินซาดงเซ็ทต่อมาเป็นอาหารกลางวันที่ Food Court ของห้าง Shinsegae ย่านตลาดนัมแดมุนห้างนี้หรูเหมือนเอ็มโพเรียมราคาอาหารในฟู้ดคอร์ทก็เลยแพงขึ้นเป็นเงตามตัวแต่ปริมาณอาหารเยอะสมราคาและคุณภาพ คือข้าวห่อไข่ Omurice ที่มาพร้อมไก่ทอดราดซอสราดหน้ากุ้งเปรี้ยวหวาน กุ้งตัวใหญ่มากคราวนี้ออกไปนอกกรุงโซลบ้างที่เมืองแทกูแวะมาที่ร้านอาหาร BONBAP (ข้าวอร่อย) ซึ่งเป็นเชนร้านอาหารของที่นี่เขามีทั่วไปในหลายเมืองของเกาหลีอาหารอย่างแรกเป็นซุปกิมจิ Gimji Jigae กินกับข้าวสวยร้อนๆและเครื่องเคียงมาเป็นเซ็ทส่วนอีกอันเป็นพีบิมบัพหน้าปลาหมึกผัด บะหมี่ทะเลต้มยำ Seafood Ramyeon วอนเช่นกันเป็นร้านอาหารเล็กๆที่เกาะเชจูเป็นร้าน  อาหารที่อยู่ที่เมืองjaju cityส่วนอาหารกลางวันขอแนะนำเป็นคิมบับท่อน (ข้าวม้วนสาหร่าย)ร้านบอนบัปเช่นกันอันนี้เป็น Pajeon พาจอน...พิซซ่าเกาหลี มีต้นหอมและกุ้งกรอบนอกนุ่มในอร่อยมาก(คล้ายๆหอยทอดในเมืองไทย)ทัคคาลบี เป็นเนื้อไก่ที่หั่นออกมาเป็นชิ้นพอคำ คลุกเคล้าด้วยเครื่องปรุงและหมักไว้จนได้ที่ เมื่อรับประทานจะนำมาผัดบนกระทะยักษ์ พร้อมด้วยต็อกชนิดตัดเป็นเส้นหนานุ่มคล้ายเส้นก๋วยเตี๋ยวมาผัดให้เข้ากัน และสุดท้ายเอาข้าวมาผัดทานเป็นข้าวผัดได้อีกด้วย แกล้มด้วยสาหร่าย โอเด้ง (เนื้อปลาผสมแป้ง) กิมจิ พร้อมข้าวสวยร้อนๆชับเช เป็นอาหารที่คนเกาหลีชอบโดยนำผักที่ชอบหรือที่มีตามฤดูกาลมาผัดรวมกันโดยใส่น้ำมันเล็กน้อย แล้วใส่เนื้อวัวที่หั่นชิ้นเต็มคำ และนำไปผัดกับวุ้นเส้นเกาหลี เมื่อเส้นและส่วนผสมผัดจนสุกดีแล้ว จึงนำมาคลุกเคล้าเพิ่มรสชาติด้วยซอสถั่วเหลือง น้ำตาล และน้ำมันงาต็อกกุก เป็นซุปต็อกที่นิยมรับประทานกันในฤดูใบไม้ร่วงจนถึงฤดูหนาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันซอลลัล (วันหยุดช่วงวันปีใหม่) ต็อกซึ่งทำมาจากข้าวจะนำมาต้มรวมกับน้ำซุปกระดูกวัว คนเกาหลีเชื่อว่าถ้ายังไม่ได้รับประทานต็อกกุกในช่วงปีใหม่นั้นก็จะถือว่ายังไม่โตขึ้นไปอีกหนึ่งปีซัมเกทัง หรือไก่ตุ๋นโสม ตำรับยอดนิยมของชาววังซึ่งรับประทานเพื่อบำรุงสุขภาพ ใช้ไก่ที่อายุพอเหมาะกับการรับประทาน (อายุ 45 วัน) ท่านละ 1 ตัว ก่อนอื่นให้ล้างเครื่องในออกให้หมดแล้วยัดไส้ด้วยของบำรุง อาทิเช่น เม็ดพุทราแห้ง รากโสมเกาหลี เก๋ากี้ ข้าวสาร จากนั้นนำไปตุ๋นจนนุ่ม รับประทานร้อนๆเสริมรสชาติด้วยเส้นอุด้ง ปรุงรสด้วยพริกไทย และเกลือป่นของเกาหลี เสิร์ฟพร้อม Ginseng wine เป็นโซจูดองโสมเพื่อบำรุงร่างกายให้คึกคักกระปรี้กระเปร่า

1.           มียอกกุก หรือซุปสาหร่าย   เป็นสาหร่ายต้มในน้ำซุปกับหมูบดหรือกุ้งบดปั้นเป็นก้อน คนเกาหลีจะนิยมรับประทานมียอกกุกโดยเฉพาะในวันเกิด ด้วยความเชื่อที่ว่า ชีวิตจะราบลื่น ไม่มีอุปสรรคเหมือนสาหร่ายที่ลื่นและมีความยืดหยุ่น

o    หากเบื่ออาหารเกาหลีแล้วในย่านเมียงดงก็มีร้านอาหารอื่นๆให้รับประทานอาทิเช่นที่ Pizza Mall แห่งนี้มีเซ็ทพิซซ่าและพาสต้าพร้อมเครื่องดื่ม เหมาะสำหรับสองท่าน

ของว่างของประเทศเกาหลี

1.           ขนมต๊อก เป็นขนมของเกาหลีซึ่งมีหลายชนิด ส่วนมากมีลักษณะเป็นแป้งต้มคล้ายขนมเหนียวของบ้านเราแต่ไม่มีมะพร้าว รสชาติออกหวาน ต๊อกบางชนิดจะมีไส้ถั่วแดงกวนอยู่ข้างในส่วนด้านนอกเคลือบด้วยถั่วป่น นิยมรับประทานคู่กับน้ำซินนามอน(อบเชย) หรือชา ขนมต็อกนี้เกี่ยวข้องกับเทศกาลต่างๆของเกาหลี พวกเขาจะช่วยกันปั้นขนม     ต็อก เพื่อขอพรและเป็นการกระชับความสัมพันธ์คนในครอบครัวด้วย
2.           พิงซูหรือน้ำแข็งใส เป็นของหวานดับความร้อนของเกาหลี ลักษณะคล้ายน้ำแข็งใสของบ้านเราซึ่งที่เกาหลีนั้นจะใส่ผลไม้นานาชนิดลงไป หรืออาจใส่ถั่วแดงกวนลงไปก่อน ตามด้วยน้ำแข็งใสและผลไม้ บ้างอาจใส่ไอติมหรือวิปปิ้งครีมเพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น